อิโง่ กับ ขรี้ข้า อิโง่

ส.ส.พรรคเพื่อไทยกว่า 20 คน ใช้ความเป็นผู้หญิง เรียงหน้าแถลงข่าว โจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ปราศรัยดูถูกผู้หญิงอย่างรุนแรงจากการกล่าวถึง “”

เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ออกมาขอโทษต่อผู้หญิงทั้งประเทศ หากไม่ทำ พวกเธอจะนำผู้หญิงทั้งประเทศไปมอบผ้าถุงให้กับนายอภิสิทธิ์ เพื่อเอาไว้คลุมหัว!



1) ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ได้ปราศรัยบนเวทีผ่าความจริงที่โรงเรียนวัดดอกไม้ เขตยานนาวา เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 56 ตำหนิรัฐบาลที่ไม่ใส่ใจดูแลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะค่าครองชีพแพง ไข่ไก่แพง หมูแพง บางตอนว่า

“...นายกรัฐมนตรีก็หลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ผมก็ดูไม่ออกครับว่าที่อยู่ในประเทศมา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ไปทำอะไรบ้าง เมื่อเช้าเห็นแวบๆ มีข่าวไปทำอะไร โครงการอะไร Smart Lady แปลว่าอะไร ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอกครับ เหมือนกับว่าจะประกวดใช่มั้ย หา Smart Lady  แปลว่าอะไร Smart lady  นี่ผมถามอภิมงคล (ม.ล.อภิมงคล โสณกุล) แปลว่าผู้หญิงฉลาด แต่นี่ผมก็ถามว่า อ้าว แล้วถ้าทำโครงการนี้ ทำไมต้องทำ ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหา ไม่มีใครไปแข่งได้...”



2) ประโยคว่า “ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหา ไม่มีใครไปแข่งได้” มองอย่างตรงไปตรงมา จะเห็นว่า มิได้กล่าวดูถูกผู้หญิงทั่วไป ตรงกันข้าม กลับมีความหมายโดยนัยยะว่า ผู้หญิงทั่วไปไม่มีใครโง่เหมือน “”

เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนโง่เหมือน “” จึงไม่ต้องประกวด

ประโยคเช่นนี้ มิได้ดูถูกผู้หญิงทั่วไปว่าโง่แน่นอน ไม่ได้ดูถูกผู้หญิงทั้งประเทศอย่างที่ ส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทยพยายามจะตีความขยายผลทางการเมืองแน่นอน

หากใครควรจะเดือดร้อน หรือละอาย ก็คงเฉพาะตัวคนที่ถูกตำหนิว่า “” นั่นเอง







3) การพูดคำว่า “” แล้วปรากฏว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดือดเนื้อร้อนใจแทนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็น่าสนใจ และเมื่อไปพิมพ์คำว่า “” ค้นหาภาพในกูเกิ้ล ก็ปรากฏว่ามีการแสดงภาพยิ่งลักษณ์มากมาย

ต้องยอมรับความจริงว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์มีพฤติกรรม “ปล่อยไก่” บ่อยครั้ง จนเป็นเรื่องปกติ ทั้งพูดผิดๆ ถูกๆ “คอ-นก-รีต” “จังหวัดหาดใหญ่” “ประเทศซิดนีย์” “หญ้าแพรก” ฯลฯ และที่สำคัญกว่านั้น คือ การบริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกฯ ได้สะท้อนความสามารถย่ำแย่ ไม่เข้าใจปัญหา พูดท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทองทุกเรื่อง “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และบูรณาการ” โดยที่พฤติกรรมจริงไม่เคยเช่นนั้นสำเร็จ เน้นการสร้างภาพทางการเมืองเป็นหลัก แต่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทุกข์ระทมท่วมแผ่นดิน

ทั้งหมดนั้น ไม่เกี่ยว “หญิง” หรือ “ชาย” หรือ “เพศสภาพ” ใดๆ

แต่เกี่ยวกับความรู้ความสามารถและสติปัญญาของคนที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี



4) พฤติกรรมของ ส.ส.เพื่อไทยที่พยายามใช้ “ความเป็นหญิง” มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง กลับเป็นสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่ง

เป็นความพยายามเสี้ยม ปลุกปั่นให้ผู้หญิงเกิดความเกลียดชังนักการเมืองที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของฝ่ายรัฐบาล หลงผิดในสาระสำคัญ บิดเบือนประเด็นความไร้ประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาลไปเป็นเรื่องเพศ ปลุกปั่นทัศนคติที่ไม่ดีในเรื่องเพศสภาพกับการเมือง

ตรงกันข้าม ผู้หญิงกลุ่มนี้กลับละเลย ละเว้น หรือให้ท้ายพฤติกรรมดูหมิ่นสตรีอย่างแท้จริงของ ส.ส.ชายในพรรคเพื่อไทยเอง เช่น กรณี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ เคยกล่าววาจาคุกคามทางเพศ ส.ส.หญิงของพรรคฝ่ายค้านหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ เป็นต้น



5) การกล่าวตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจว่า “โง่” ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน

อาจารย์พุทธทาสภิกขุถึงกับเคยแสดงธรรมเทศนา โดยกล่าวถึงคนที่ไม่มีสติปัญญา บ้าอำนาจ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีธรรมะ ไม่คำนึงความถูกต้อง บอกว่า “ไอ้ชาติโง่ ไม่รู้จักความถูกต้อง”

มันทำให้เกิดความลำบากยุ่งยากรบราฆ่าฟันกันทางการเมืองเศรษฐกิจสังคม “ปัญหาทางการเมืองจะหมดสิ้นไปถ้ามันมีสัมมาคือความถูกต้อง ไม่มีความถูกต้องแล้วให้มันทำจนตาย ตายแล้วตายเล่ากี่ร้อยชาติกี่พันชาติ มันก็จะไม่มีความสงบทางการเมืองทางเศรษฐกิจและสังคม”

ความถูกต้องจะต้องอยู่เหนือความต้องการ อาจารย์พุทธทาสจึงเคยสอนด้วยว่า “ประชาธิปไตย ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนเป็นใหญ่นั้นมันไม่แน่ ประชาชนบ้าบอก็ได้ ของประชาชน โดยประชาชน ถ้าประชาชนเห็นแก่ตัวแล้วหมด”

ขณะนี้ รัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” กำลังมีพฤติกรรมเดินหน้าใช้เสียงข้างมากทำตามความต้องการของทักษิณ โดยไม่สนใจหลักความถูกต้อง ถึงขนาดจะออกกฎหมายแก้ผิดให้เป็นถูก เปลี่ยนดำให้เป็นขาว

ไม่ว่า “ไอ้” หรือ “อี” ถ้ามัน “ชาติโง่ ไม่สนใจความถูกต้อง” มันก็เลวร้ายไม่ต่างกัน

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/8558


ปล.ความจริงน่าจะเปลี่ยนเป็น อีคน ฉลาดแทนนะครับ เพราะมีขรี้ข้าโง่กว่า...เอิ๊ก ๆ ๆ